blogger นี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนการสอนรายวิชา อินเตอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารในชีวิประจำวัน

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ประวัติของสายพันธุ์ชิวาวา 
ที่มา : Thaigoodview.com
     เมื่อราว ต้นศตวรรษ ที่ 19 บนแผ่นดินที่ปัจจุบันเป็นประเทศเม็กซิโก เคยมีอาณาจักรชื่อ Toltecs ปกครองดินแดนแถบนั้นอยู่อาณาจักรนี้รุ่งเรืองอยู่นานนับร้อยปี มีอารยธรรมและความเจริญต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือการสร้างสุนัขพันธุ์ Techichi ซึ่งมีขนาดเล็กแต่กระดูกใหญ่ ขนยาว ลักษณะเด่นพิเศษคือเป็นสุนัขที่เงียบกริบ ถือกันว่า Techichi เป็นสุนัขพื้นเมืองในแถบอเมริกากลางและเป็นต้นกำเนิดแห่งสายพันธุ์ชิวาวา

      หลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า Techichi เป็นสุนัขที่มีอยู่ตั้งแต่สมัย Toltecs คือรูปสลักสุนัขบนหิน เป็นรูปเต็มของสุนัขทั้งตัวซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับชิวาวาในสมัยปัจจุบัน อย่างมาก รูปสลักนี้ปัจจุบันอยู่ที่ Monastery of Auejotzingo ตั้งอยู่บนทางหลวงระหว่าง Mexico City กับ Puebla อารามดังกล่าวสร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1530 โดยคณะบาทหลวงฟรานซิสกัน แต่วัสดุที่ใช้สร้างมาจากปิ รามิดเก่า ชื่อ Pyramids of Cholula ซึ่งสร้างขึ้นโดยชาว Toltecs  นอกจากนี้ยังมีปิรามิดแห่งอื่นที่สร้างขึ้นในสมัย Toltecs และมีรูปสลักสุนัข Techichi อยู่ด้วย คือปิรามิด Chichen Itza ในแถบ Yucatan

      หลัง จากอาณาจักร Toltecs ล่มสลายก็ถึงคราวของรุ่งเรืองของอาณาจักร Aztec ซึ่งเกิดขึ้นในบริเวณเดียวกับที่เคยเป็น Toltecs พื้นที่แถบนี้ปัจจุบันอยู่ใกล้กับเมือง Mexico City จึงมีผู้ค้นพบเศษซากโบราณวัตถุอยู่เสมอ และมักมีผู้อ้างว่าเจอหลักฐานเก่าแก่เกี่ยวกับต้นตระกูลสายพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ  ส่วนหลักฐานของชิวาวานั้นถูกค้นพบในปี ค.ศ.1850 ที่โบราณสถานใกล้กับ Casas Grandes เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นวังของพระจักรพรรดิ Motezuma  ที่ 1 แห่ง Aztec

      อาณาจักร Aztec ร่ำรวย  มีอายุหลายร้อยปีพระจักรพรรดิ Montezuma ทรงเลี้ยงชิวาวาไว้ในวัง พวกชนชั้นสูงจึงเอาอย่าง ในสมัยนั้นแม้แต่ชิวาวาของเศรษฐียังเป็นที่ยกย่อง ส่วนตัวที่มีสีน้ำเงินถือเป็นสุนัขศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตามคนทั่วไปเห็นว่าสุนัขพันธุ์นี้ไม่ค่อยมีประโยชน์ มีเรื่องเล่าว่ามีคนกินชิวาวาเสียด้วยซ้ำ  ต่อมาใน ค.ศ. 1519 - 1520 อาณาจักร Aztec ก็ล่มสลายลงบ้าง ความร่ำรวยและอารยธรรมต่าง ๆ ของ Aztec ไม่หลงเหลืออยู่ ชิวาวาจึงพลอยหายสาบสูญไปด้วย
      หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึง Techichi ผู้เป็นต้นเค้าของชิวาวาไม่ได้มีแต่เพียงในเม็กซิโกเท่านั้น คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ยังเคยเขียนจดหมายถึงกษัตริย์แห่งสเปนกล่าวถึงการเดินทางไปยังเกาะซึ่ง ปัจจุบันคือประเทศคิวบา เขาเล่าว่าที่เกาะนั้นมี "สุนัขตัวเล็ก เงียบ ไม่เห่า และเชื่องมาก" นักโบราณคดีกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ที่ชาว Aztec จะนำสุนัขไปถึงคิวบาเพราะชนเผ่านี้ไม่ใช่นักเดินทะเล แต่สุนัขจะไปถึงที่เกาะนั้นได้อย่างไรยังไม่มีใครหาคำตอบได้

      สถานะของชิวาวาในยุค Toltecs และ Aztec ไม่ได้เป็นแค่เพียงสุนัขที่ผู้คนนิยมกันมากเท่านั้น แต่ยังเป็นสุนัขที่มีความสำคัญทางศาสนาด้วย กล่าวคือใช้เป็นสื่อกลางในการบูชาเทพเจ้า ใช้เป็นผู้นำทางวิญญาณไปสู่โลกแห่งความตาย รวมทั้งยังรับบาปแทนมนุษย์ได้ด้วย ด้วยเหตุนี้นักโบราณคดีจึงได้เห็นซากชิวาวาถูกฝังอยู่ในหลุมศพเดียวกับคน อยู่ทั่วไปในเม็กซิโกและบางส่วนของสหรัฐอเมริกา

      มีข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจเพี่ยวกับชิวาวาประการหนึ่ง เสนอโดย K. de Blinde ข้าราชการชาวเม็กซิกันผู้ขี่ม้าท่องไปทั่วประเทศและเป็นนักสร้างสายพันธุ์ ตัวยง เขากล่าวว่าชิวาวาเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง Techichi กับสุนัขตัวเล็กไร้ขนที่มาจากเอเชีย สุนัขตัวเล็กนี้คล้ายกับที่มีอยู่ในประเทศจีนและสุนัขนี้เองที่ทำให้ Techichi มีขนาดเล็กลงไปจนเท่า ๆ กับชิวาวาในปัจจุบัน กระนั้นชิวาวาในปัจจุบันก็มีลักษณะแตกต่างจากบรรพบุรุษอยู่บ้างใน เรื่องสีขน กล่าวคือมันมีสีสันหลากหลายตั้งแต่ขาวสว่างไล่ไปจนถึงดำสนิท ชาวเม็กซิกันนิยมสีดำแต้มด้วยสีแทน หรือสีขาวจุดดำ ส่วนชาวอเมริกันนิยมสีพื้นไม่มีแต้ม

      ปัจจุบันชิวาวาเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมมากในอเมริกา ชาวอเมริกันพัฒนาสายพันธุ์ชิวาวาโดยย่อให้มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงรูปร่าง สัดส่วน รวมทั้งลักษณะนิสัยเดิมไว้ครบถ้วนคือ ฉลาดเฉลียวและกระตือรือร้น ชิวาวาเป็นสุนัขที่รักพวกพ้อง สนใจแต่พวกเดียวกัน ไม่ชอบยุ่งสุงสิงกับสุนัขพันธุ์อื่น โดยทั่วไปชาวอเมริกันนิยมเลี้ยงชิวาวาขนสั้นมากกว่าชิวาวาขนยาว และมันก็มีนิสัยรักพวกพ้องมากกว่าพวกขนยาวเสียด้วย


สุนัขพันธุ์นี้จะมาจากเม็กซิโกจริงหรือไม่ มีอีกทฤษฏีที่กล่าวไว้น่าสนใจดังนี้....
ที่มา : หนังสือชิวาวา โดย เหมันต์ เกียรติเมฆินทร์

     ประวัติต้นกำเนิดสุนัขพันธุ์ชิวาวามีเรื่องเล่ากันมาน่าเชื่อถือ แต่ภายหลังต่อมามีนักวิทยาศาสตร์ที่มีความคิดเห็นอิสระหลายคน ได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ในประเทศเม็กซิโก ต่างพิจารณาลงความเห็นว่า เรื่องที่รู้กันเกี่ยวกับบบรรพบุรุษ ของสุนัขชิวาวานั้น เป็นเรื่องที่ประดิษฐ์คิดขึ้นมาทั้งสิ้นอย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องนำเรื่องที่เล่านั้นมากล่าวอ้างไว้ เพื่อให้ความจริงประจักษ์ชัดออกมา
     ชาวยุโรปและอเมริการต่างยังหลงเชื่ออยู่ว่า ชิวาวาเป็นสุนัขพื้นเมืองเก่าแก่ในประเทศเม็กซิโก โดยเชื่อว่าชนชาติอินเดียนแดงเผ่าโทลเทดและเผ่าแอสเท ซึ่งอยู่ในดินแดนถิ่นนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ 900 เป็นเจ้าของสุนัขบรรพบุริษต้นตระกูลชิวาวา และใช้สุนัขเหล่านี้ในพิธีกรรมทางศาสนา ฉะนั้น ชิวาวาปัจจุบันจึงสืบเชื่อสายมาจากสายเลือดสุนัข Techichi หรือผสมข้ามพันธุ์ระหว่างสุนัขเหล่านี้กับสุนัขป่าพื้นเมืองในรัฐชิวาวา ประเทศเม็กซิโก ซึ่งบางทีเรียกสุนัขนี้ว่า Alco
     แต่ข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ขึ้นในปัจจุบัน ได้ทำลายความเชื่อในเรื่องดังกล่าวโดยสิ้นเชิง เพราะนักโบราณคดีและนักค้นคว้าสัตว์ดึกดำบรรพ์ต่างตกลงใจให้ข้อยุติว่าเพราะนักโบราณคดีและนักค้นคว้าสัตว์ดึกดำบรรพ์ต่างตกลงใจให้ข้อยุติว่าไม่เคยมีสุนัขชนิดใดเลยที่ถือกำเนิดในดินแดนเม็กซิโก ก่อนที่พวกสเปนจะมาถึง ส่วนคำว่าสุนัข Techichi นั้น ก็คือสุนัขทุ่งราบ (Prairie Dog) ซึ่งไม่ใช่สุนัข แต่เป็นหนูชนิดหนึ่ง และคำว่า Alco ก็ไม่ใช่ภาษาพวกโพลเทด แต่เป็นคำในภาษาเปรู ซึ่งแปลว่าหนูชนิดดังกล่าวนั่นเอง
     ดร.ไอแซค ออซโซ เทอร์รีน่า ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสัตว์ดึกดำบรรพ์และเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้า ในกลุ่มลาตินอเมริกา ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับสัตว์พื้นเมืองของเม็กซิโกไว้หลายเล่ม เขาได้กล่าวว่า
     " ไม่ปรากฏมีซากหิน(fossils) ของสุนัขถูกค้นพบเลยในประเทศเม็กซิโก ไม่ว่าจะเป็นหลุมฝังศพหรือโบราณสถานอื่นใดก็ตาม จึงขอประกาศไม่ยอมเชื่อเรื่องที่ว่า ชิวาวา เป็นสุนัขพื้นเมืองหรือสุนัขป่าในดินแดนแถบนี้ ฉะนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่สับสน จากการที่มีสุนัขทุ่งราบชุกชุมในรัฐชิวาวานั่นเอง จึงทำให้เข้าใจผิดไป แต่ใครๆ ก็ทราบกันว่าสุนัขทุ่งราบนั้นไม่ใช่สุนัข
     มีนักโบราณคดีชาวเม็กซิกัน ผู้ยิ่งใหญ่ทีศตวรรษก่อนผู้หนึ่ง นามว่า "แมนนูเอล โอรอสโก" เกิดที่เมืองเม็กซิโก ในปี ค.ศ 1816 ได้เขียนไว้ว่า
     "ชนอินเดียนแดงเผ่าแอสแทค มีสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์สี่เท้าอยู่3ชนิดเท่านั้น คือ ม้า หมู และวัวหรือแก่ ซึ่งใช้ชื่อเรียกรวมว่า Tepetzcuinttiชนเผ่านี้ไม่เคยมีสุนัขเลี้ยงมาก่อนเลย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่พ่ายแพ้ชาวสเปนแล้ว พวกนี้มีสัตว์เลี้ยงอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งรวมทั้งสุนัขด้วย
     มีนักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน กล่าวถึงชิวาวาไว้บ้างเหมือนกัน แต่การแปลความทำให้ความ
หมายเดิมคลาดเคลื่อนไปบ้าง
     จากจดหมายเหตุของ"คอเคส"บทที่ 2 กล่าวว่า"ในรัฐชิวาวาจะพบของขายเช่น ไก่ นกกระทา กระต่ายป่า กวาง และสัตว์บาง อย่าง รูปร่างคล้ายสุนัข ซึ่งเลี้ยงตอนแล้วกิน"
     เบอร์นาลคาสเตลโล ซึ่งเขียนหนังสือประวัติศาสตร์ดีที่สุดไว้เล่มหนึ่งและเป็นผู้ระมัดระวังในการใช้ภาษามาก ได้เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า
     "คนพื้นเมืองแสดงความยินดีด้วยการนำของขวัญที่ทำด้วยทองคำหลายชิ้น พวงมาลัย 4 พวง
และสัตว์เล็กๆ 2 ตัวมาให้
     จวนเดอร์ทอควี มาดาเขียนไว้ว่า"ชาวแอนเทคมีไก่ฟ้า นกกระทา กระต่ายและตัวอะไรบางอย่างคล้ายสุนัข ซึ่งพวกเขาขุนให้อ้วนอย่างเดียวกับที่เราขุนหมู ตัวที่ว่านี้คล้ายสุนัขเล็กๆ คล้ายกระต่าย และคล้ายหนู อาศัยอยู่รูคล้ายตัวตุ่น
     บาโทโรม คาซาส ผู้เขียนประวัติศาสตร์โคลังบัส กล่าวว่า "สัตว์สี่เท้าที่เราพบในดินแดนนี้ มีเพียงสัตว์รูปร่างคล้ายสุนัข กินอร่อยกว่ากระต่าย
     โจเซฟ อาคัสตา นักสำรวจผิวขาวคนแรกที่ท่องไปในดินแดงแห่งนี้ จนถึงประเทศเปรูในปี ค.ศ1571 เขียนไว้ว่า "ไม่มีสุนัขที่แท้จริงในดินแดนแถบนี้เลย ที่เห็นท่องเที่ยวไปเป็นลูกหลายสุนัขที่พวกสเปนนำเข้ามาภายหลังทั้งสิ้น"
     นักเขียนชาวอเมริกันคนหนึ่งกล่าวว่า "สุนัขชิวาวา คือสุนัขTapachichi แค่คำนี้ที่ถูกต้องหมายถึงหนูตามกำแพง หนูตามซอกหินหรือ หนูตามทุ่งราบนั่นเอง
     รัฐชิวาวา เป็นรัฐที่หนาวที่สดของเม็กซิโก มีอุนหภูมเท่าจุดเยือกแข็งอยู่เกือบ 6 เดือน และมีหิมะตกในเวลากลางคืนด้วย จึงเป็นที่น่าสังเกตุว่าสุนัขชิวาวาจะอยู่ตามธรรมชาติในป่าได้อย่างไร และในรัฐนี้คำว่า Prairie Dog หรือ สุนัขทุ่งราบ เรียกกันว่า Perro Chihuaheuno ซึ่งแปลว่า สุนัขชิวาวานั่นเอง
     ข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จึงหักล้างเรื่องเล่าของ นางโรชิน่า คาสเซลส์ ซึ่งเธอได้ท่องเที่ยวไปในยุโรป และนำสุนัขชิวาวาไปด้วย โดยเธอชี้แจงว่าเป็นสุนัขอยู่ตามป่าในรัฐชิวาวา ประเทศเม็กซิโก
     ฉะนั้น ประวัติที่สุนัขพันธุ์นี้จะมาจากเม็กซิโก จึงมีอยู่ทางเดียวคือ ต้นตระกูลสุนัขชิวาวาปัจจุบัน ได้ถือกำเนิดมาจากบรรพบุรุษสุนัขที่มาจากบูรพาทิศแห่งซีกโลกตะวันออก(เอเซีย)เพราะเป็นที่รู้กันว่า ชาวตะวันออกนิยมพันธุ์ไม้และสัตว์แคระมานานหลายร้อยปี เช่น ปลาเงินปลาทองเล็กๆ ต้นสนแคระ ไม้แคระต่างๆ ไก่แจ้ และรวมทั้งสุนัขเล็กๆด้วย
จาก"จีน"สู่"เม็กซิโก"
     แต่ก่อนพวกสเปนใช้เส้นทางติดต่อไป มาค้าขายทางเรือ จากเมืองจีนไปหมู่เกาะฟิลิปปินส์ ไปสู่อัลปาโซ ข้ามไปเม็กซิโก แล้วกลับสเปน ฉะนั้น พวกสุนัขเม็กซิโกไม่มีขน(Maxican Hairless Dog) พวกสุนัขชิวาวา หรือสัตว์แคระต่างๆ น่าจะถูกนำเข้ามาจากตะวันออก(เอเชีย) ดังเส้นทางที่กล่าวแล้วข้างต้นนี้
     นอกจากนั้น ปรากฏบันทึกหลักฐานว่า มีสุนัขแคระคู่หนึ่ง ถูกนำมาจากบูรพาทิศ (เอเชีย) ออกแสดงให้ดูกันในเมืองเม็กซิโก ในฐานะของแปลกเมื่อปีค.ศ 1785 ดังนั้น จึงเป็นทางเดียวที่พอจะสันนิษฐานได้ว่า ลูกหลานของสุนัขเหล่านี้ คงจะถูกนำไปยังรัฐชิวาวา และไปมีชื่อเสียงและประกาศเป็นพันธ์สุนัขขึ้นที่นั่น
     ประมาณปี ค.ศ 1895 สุนัขชิวาวาปรากฏมีขึ้นตามบ้านผู้มั่งคั่ง
ในเมือง เม็กซิโก และในเวลาเดียวกัน ก็ปรากฏมีพันธ์สุนัขนี้อยู่ในบ้านแถบชายแดนตอนเหนือของเม็กซิโกด้วย จึงเป็นการบ่งชี้ได้ว่า ชาวจีนพวกแรกที่เข้าเมืองมาทางอัลปาโซ เท็กซัส ได้นำสุนัขแคระนี้มาพร้อมกับพวกตนด้วย
     สุนัขชิวาวาเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ในเม็กซิโก ในช่วงปี พ.ศ 2508ถูกนำมาจกอเมริกา เพราะไม่ปรากฏมีมาตรฐานการผสมพันธ์สุนัขพันธ์นี้ขึ้นในเม็กซิโกเลย หรือแม้แต่จะแพร่พันธุ์ขยายจำนวนต่อไปก็ทำไม่ได้ เพราะสุนัขชิวาวาที่มีอยู่ในเม็กซิโกที่เลี้ยงไว้ดูเล่นมีจำนวนทั้งสิ้นไม่ ถึงหนึ่งพันตัวและคอกเพราะพันธุ์สุนัขอาชีพสำหรับพันธุ์นี้ก็ไม่มี แต่ในเม็กซิโกกลับมีสุนัขพันธุ์อื่นๆ มากมาย ซึ่งเป็ฯที่นิยมและแพร่หลายมีจำนวนมากกว่าพันธุ์ชิวาวาเสียอีก
     เจมส์วัตสัน นักเขียนและเป็นกรรมการประกวดสุนัขที่มีชื่อเสียงของอเมริกา ได้พยามค้นคว้าเรื่องนี้ โดยได้ซื้อสุนัขที่จดทะเบียนเป็นสุนัขพันธ์แท้กับสมาคมสุนัข ชื่อ Midget เจ้าของชื่อ Rayner จากเมืองอัลปาโซ
     ต่อมาชาวอเมริกันที่อยู่ทางเหนือ ทราบว่าสุนัขพันธุ์นี้ นำไปเลี้ยงได้ดีตามบ้าน ฉะนั้น ความสนใจจึงพุ่งสูงขึ้น เช่น แชมเปี้ยนชิวาวาตัวหนึ่งชื่อ Empres Carlotter ถูกขาวแคนาดาซื้อไปในปี 1928 หลังจากนั้นลูกหลานของมันถูกเพาะพันธุ์ขึ้นได้ปีละหลายร้อยตัวในแคนาดา
     สมาคมสุนัขพันธุ์ชิวาวาของอเมริกา ตั้งขึ้นในปี ต.ศ 1923 สมาคมนี้ทำหน้าที่ในการส่งเสริมเผยแพร่พันธุ์ได้อย่างดีเลิศ ปรากฏว่าสุนัขพันธุ์นี้ทำชื่อเสียงได้ดีทุกครั้งที่มีการประกวด แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นจำนวนสุนัขที่ผลิตขึ้นเพื่อประกวดยังมีจำนวนไม่มากพอ เพราะส่วนมากมักถูกผู้ซื้อเก็บสุนัขไว้เลี้ยงเองตามบ้าน โดยไม่ต้องการนำออกประกวด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

pommeranian