blogger นี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการเรียนการสอนรายวิชา อินเตอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารในชีวิประจำวัน

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ประวัติของสายพันธุ์ชิวาวา 
ที่มา : Thaigoodview.com
     เมื่อราว ต้นศตวรรษ ที่ 19 บนแผ่นดินที่ปัจจุบันเป็นประเทศเม็กซิโก เคยมีอาณาจักรชื่อ Toltecs ปกครองดินแดนแถบนั้นอยู่อาณาจักรนี้รุ่งเรืองอยู่นานนับร้อยปี มีอารยธรรมและความเจริญต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือการสร้างสุนัขพันธุ์ Techichi ซึ่งมีขนาดเล็กแต่กระดูกใหญ่ ขนยาว ลักษณะเด่นพิเศษคือเป็นสุนัขที่เงียบกริบ ถือกันว่า Techichi เป็นสุนัขพื้นเมืองในแถบอเมริกากลางและเป็นต้นกำเนิดแห่งสายพันธุ์ชิวาวา

      หลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า Techichi เป็นสุนัขที่มีอยู่ตั้งแต่สมัย Toltecs คือรูปสลักสุนัขบนหิน เป็นรูปเต็มของสุนัขทั้งตัวซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับชิวาวาในสมัยปัจจุบัน อย่างมาก รูปสลักนี้ปัจจุบันอยู่ที่ Monastery of Auejotzingo ตั้งอยู่บนทางหลวงระหว่าง Mexico City กับ Puebla อารามดังกล่าวสร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1530 โดยคณะบาทหลวงฟรานซิสกัน แต่วัสดุที่ใช้สร้างมาจากปิ รามิดเก่า ชื่อ Pyramids of Cholula ซึ่งสร้างขึ้นโดยชาว Toltecs  นอกจากนี้ยังมีปิรามิดแห่งอื่นที่สร้างขึ้นในสมัย Toltecs และมีรูปสลักสุนัข Techichi อยู่ด้วย คือปิรามิด Chichen Itza ในแถบ Yucatan

      หลัง จากอาณาจักร Toltecs ล่มสลายก็ถึงคราวของรุ่งเรืองของอาณาจักร Aztec ซึ่งเกิดขึ้นในบริเวณเดียวกับที่เคยเป็น Toltecs พื้นที่แถบนี้ปัจจุบันอยู่ใกล้กับเมือง Mexico City จึงมีผู้ค้นพบเศษซากโบราณวัตถุอยู่เสมอ และมักมีผู้อ้างว่าเจอหลักฐานเก่าแก่เกี่ยวกับต้นตระกูลสายพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ  ส่วนหลักฐานของชิวาวานั้นถูกค้นพบในปี ค.ศ.1850 ที่โบราณสถานใกล้กับ Casas Grandes เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นวังของพระจักรพรรดิ Motezuma  ที่ 1 แห่ง Aztec

      อาณาจักร Aztec ร่ำรวย  มีอายุหลายร้อยปีพระจักรพรรดิ Montezuma ทรงเลี้ยงชิวาวาไว้ในวัง พวกชนชั้นสูงจึงเอาอย่าง ในสมัยนั้นแม้แต่ชิวาวาของเศรษฐียังเป็นที่ยกย่อง ส่วนตัวที่มีสีน้ำเงินถือเป็นสุนัขศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตามคนทั่วไปเห็นว่าสุนัขพันธุ์นี้ไม่ค่อยมีประโยชน์ มีเรื่องเล่าว่ามีคนกินชิวาวาเสียด้วยซ้ำ  ต่อมาใน ค.ศ. 1519 - 1520 อาณาจักร Aztec ก็ล่มสลายลงบ้าง ความร่ำรวยและอารยธรรมต่าง ๆ ของ Aztec ไม่หลงเหลืออยู่ ชิวาวาจึงพลอยหายสาบสูญไปด้วย
      หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึง Techichi ผู้เป็นต้นเค้าของชิวาวาไม่ได้มีแต่เพียงในเม็กซิโกเท่านั้น คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ยังเคยเขียนจดหมายถึงกษัตริย์แห่งสเปนกล่าวถึงการเดินทางไปยังเกาะซึ่ง ปัจจุบันคือประเทศคิวบา เขาเล่าว่าที่เกาะนั้นมี "สุนัขตัวเล็ก เงียบ ไม่เห่า และเชื่องมาก" นักโบราณคดีกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ที่ชาว Aztec จะนำสุนัขไปถึงคิวบาเพราะชนเผ่านี้ไม่ใช่นักเดินทะเล แต่สุนัขจะไปถึงที่เกาะนั้นได้อย่างไรยังไม่มีใครหาคำตอบได้

      สถานะของชิวาวาในยุค Toltecs และ Aztec ไม่ได้เป็นแค่เพียงสุนัขที่ผู้คนนิยมกันมากเท่านั้น แต่ยังเป็นสุนัขที่มีความสำคัญทางศาสนาด้วย กล่าวคือใช้เป็นสื่อกลางในการบูชาเทพเจ้า ใช้เป็นผู้นำทางวิญญาณไปสู่โลกแห่งความตาย รวมทั้งยังรับบาปแทนมนุษย์ได้ด้วย ด้วยเหตุนี้นักโบราณคดีจึงได้เห็นซากชิวาวาถูกฝังอยู่ในหลุมศพเดียวกับคน อยู่ทั่วไปในเม็กซิโกและบางส่วนของสหรัฐอเมริกา

      มีข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจเพี่ยวกับชิวาวาประการหนึ่ง เสนอโดย K. de Blinde ข้าราชการชาวเม็กซิกันผู้ขี่ม้าท่องไปทั่วประเทศและเป็นนักสร้างสายพันธุ์ ตัวยง เขากล่าวว่าชิวาวาเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง Techichi กับสุนัขตัวเล็กไร้ขนที่มาจากเอเชีย สุนัขตัวเล็กนี้คล้ายกับที่มีอยู่ในประเทศจีนและสุนัขนี้เองที่ทำให้ Techichi มีขนาดเล็กลงไปจนเท่า ๆ กับชิวาวาในปัจจุบัน กระนั้นชิวาวาในปัจจุบันก็มีลักษณะแตกต่างจากบรรพบุรุษอยู่บ้างใน เรื่องสีขน กล่าวคือมันมีสีสันหลากหลายตั้งแต่ขาวสว่างไล่ไปจนถึงดำสนิท ชาวเม็กซิกันนิยมสีดำแต้มด้วยสีแทน หรือสีขาวจุดดำ ส่วนชาวอเมริกันนิยมสีพื้นไม่มีแต้ม

      ปัจจุบันชิวาวาเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมมากในอเมริกา ชาวอเมริกันพัฒนาสายพันธุ์ชิวาวาโดยย่อให้มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงรูปร่าง สัดส่วน รวมทั้งลักษณะนิสัยเดิมไว้ครบถ้วนคือ ฉลาดเฉลียวและกระตือรือร้น ชิวาวาเป็นสุนัขที่รักพวกพ้อง สนใจแต่พวกเดียวกัน ไม่ชอบยุ่งสุงสิงกับสุนัขพันธุ์อื่น โดยทั่วไปชาวอเมริกันนิยมเลี้ยงชิวาวาขนสั้นมากกว่าชิวาวาขนยาว และมันก็มีนิสัยรักพวกพ้องมากกว่าพวกขนยาวเสียด้วย


สุนัขพันธุ์นี้จะมาจากเม็กซิโกจริงหรือไม่ มีอีกทฤษฏีที่กล่าวไว้น่าสนใจดังนี้....
ที่มา : หนังสือชิวาวา โดย เหมันต์ เกียรติเมฆินทร์

     ประวัติต้นกำเนิดสุนัขพันธุ์ชิวาวามีเรื่องเล่ากันมาน่าเชื่อถือ แต่ภายหลังต่อมามีนักวิทยาศาสตร์ที่มีความคิดเห็นอิสระหลายคน ได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ในประเทศเม็กซิโก ต่างพิจารณาลงความเห็นว่า เรื่องที่รู้กันเกี่ยวกับบบรรพบุรุษ ของสุนัขชิวาวานั้น เป็นเรื่องที่ประดิษฐ์คิดขึ้นมาทั้งสิ้นอย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องนำเรื่องที่เล่านั้นมากล่าวอ้างไว้ เพื่อให้ความจริงประจักษ์ชัดออกมา
     ชาวยุโรปและอเมริการต่างยังหลงเชื่ออยู่ว่า ชิวาวาเป็นสุนัขพื้นเมืองเก่าแก่ในประเทศเม็กซิโก โดยเชื่อว่าชนชาติอินเดียนแดงเผ่าโทลเทดและเผ่าแอสเท ซึ่งอยู่ในดินแดนถิ่นนี้มาตั้งแต่ปี ค.ศ 900 เป็นเจ้าของสุนัขบรรพบุริษต้นตระกูลชิวาวา และใช้สุนัขเหล่านี้ในพิธีกรรมทางศาสนา ฉะนั้น ชิวาวาปัจจุบันจึงสืบเชื่อสายมาจากสายเลือดสุนัข Techichi หรือผสมข้ามพันธุ์ระหว่างสุนัขเหล่านี้กับสุนัขป่าพื้นเมืองในรัฐชิวาวา ประเทศเม็กซิโก ซึ่งบางทีเรียกสุนัขนี้ว่า Alco
     แต่ข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ขึ้นในปัจจุบัน ได้ทำลายความเชื่อในเรื่องดังกล่าวโดยสิ้นเชิง เพราะนักโบราณคดีและนักค้นคว้าสัตว์ดึกดำบรรพ์ต่างตกลงใจให้ข้อยุติว่าเพราะนักโบราณคดีและนักค้นคว้าสัตว์ดึกดำบรรพ์ต่างตกลงใจให้ข้อยุติว่าไม่เคยมีสุนัขชนิดใดเลยที่ถือกำเนิดในดินแดนเม็กซิโก ก่อนที่พวกสเปนจะมาถึง ส่วนคำว่าสุนัข Techichi นั้น ก็คือสุนัขทุ่งราบ (Prairie Dog) ซึ่งไม่ใช่สุนัข แต่เป็นหนูชนิดหนึ่ง และคำว่า Alco ก็ไม่ใช่ภาษาพวกโพลเทด แต่เป็นคำในภาษาเปรู ซึ่งแปลว่าหนูชนิดดังกล่าวนั่นเอง
     ดร.ไอแซค ออซโซ เทอร์รีน่า ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสัตว์ดึกดำบรรพ์และเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้า ในกลุ่มลาตินอเมริกา ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับสัตว์พื้นเมืองของเม็กซิโกไว้หลายเล่ม เขาได้กล่าวว่า
     " ไม่ปรากฏมีซากหิน(fossils) ของสุนัขถูกค้นพบเลยในประเทศเม็กซิโก ไม่ว่าจะเป็นหลุมฝังศพหรือโบราณสถานอื่นใดก็ตาม จึงขอประกาศไม่ยอมเชื่อเรื่องที่ว่า ชิวาวา เป็นสุนัขพื้นเมืองหรือสุนัขป่าในดินแดนแถบนี้ ฉะนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่สับสน จากการที่มีสุนัขทุ่งราบชุกชุมในรัฐชิวาวานั่นเอง จึงทำให้เข้าใจผิดไป แต่ใครๆ ก็ทราบกันว่าสุนัขทุ่งราบนั้นไม่ใช่สุนัข
     มีนักโบราณคดีชาวเม็กซิกัน ผู้ยิ่งใหญ่ทีศตวรรษก่อนผู้หนึ่ง นามว่า "แมนนูเอล โอรอสโก" เกิดที่เมืองเม็กซิโก ในปี ค.ศ 1816 ได้เขียนไว้ว่า
     "ชนอินเดียนแดงเผ่าแอสแทค มีสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์สี่เท้าอยู่3ชนิดเท่านั้น คือ ม้า หมู และวัวหรือแก่ ซึ่งใช้ชื่อเรียกรวมว่า Tepetzcuinttiชนเผ่านี้ไม่เคยมีสุนัขเลี้ยงมาก่อนเลย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่พ่ายแพ้ชาวสเปนแล้ว พวกนี้มีสัตว์เลี้ยงอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งรวมทั้งสุนัขด้วย
     มีนักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน กล่าวถึงชิวาวาไว้บ้างเหมือนกัน แต่การแปลความทำให้ความ
หมายเดิมคลาดเคลื่อนไปบ้าง
     จากจดหมายเหตุของ"คอเคส"บทที่ 2 กล่าวว่า"ในรัฐชิวาวาจะพบของขายเช่น ไก่ นกกระทา กระต่ายป่า กวาง และสัตว์บาง อย่าง รูปร่างคล้ายสุนัข ซึ่งเลี้ยงตอนแล้วกิน"
     เบอร์นาลคาสเตลโล ซึ่งเขียนหนังสือประวัติศาสตร์ดีที่สุดไว้เล่มหนึ่งและเป็นผู้ระมัดระวังในการใช้ภาษามาก ได้เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า
     "คนพื้นเมืองแสดงความยินดีด้วยการนำของขวัญที่ทำด้วยทองคำหลายชิ้น พวงมาลัย 4 พวง
และสัตว์เล็กๆ 2 ตัวมาให้
     จวนเดอร์ทอควี มาดาเขียนไว้ว่า"ชาวแอนเทคมีไก่ฟ้า นกกระทา กระต่ายและตัวอะไรบางอย่างคล้ายสุนัข ซึ่งพวกเขาขุนให้อ้วนอย่างเดียวกับที่เราขุนหมู ตัวที่ว่านี้คล้ายสุนัขเล็กๆ คล้ายกระต่าย และคล้ายหนู อาศัยอยู่รูคล้ายตัวตุ่น
     บาโทโรม คาซาส ผู้เขียนประวัติศาสตร์โคลังบัส กล่าวว่า "สัตว์สี่เท้าที่เราพบในดินแดนนี้ มีเพียงสัตว์รูปร่างคล้ายสุนัข กินอร่อยกว่ากระต่าย
     โจเซฟ อาคัสตา นักสำรวจผิวขาวคนแรกที่ท่องไปในดินแดงแห่งนี้ จนถึงประเทศเปรูในปี ค.ศ1571 เขียนไว้ว่า "ไม่มีสุนัขที่แท้จริงในดินแดนแถบนี้เลย ที่เห็นท่องเที่ยวไปเป็นลูกหลายสุนัขที่พวกสเปนนำเข้ามาภายหลังทั้งสิ้น"
     นักเขียนชาวอเมริกันคนหนึ่งกล่าวว่า "สุนัขชิวาวา คือสุนัขTapachichi แค่คำนี้ที่ถูกต้องหมายถึงหนูตามกำแพง หนูตามซอกหินหรือ หนูตามทุ่งราบนั่นเอง
     รัฐชิวาวา เป็นรัฐที่หนาวที่สดของเม็กซิโก มีอุนหภูมเท่าจุดเยือกแข็งอยู่เกือบ 6 เดือน และมีหิมะตกในเวลากลางคืนด้วย จึงเป็นที่น่าสังเกตุว่าสุนัขชิวาวาจะอยู่ตามธรรมชาติในป่าได้อย่างไร และในรัฐนี้คำว่า Prairie Dog หรือ สุนัขทุ่งราบ เรียกกันว่า Perro Chihuaheuno ซึ่งแปลว่า สุนัขชิวาวานั่นเอง
     ข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จึงหักล้างเรื่องเล่าของ นางโรชิน่า คาสเซลส์ ซึ่งเธอได้ท่องเที่ยวไปในยุโรป และนำสุนัขชิวาวาไปด้วย โดยเธอชี้แจงว่าเป็นสุนัขอยู่ตามป่าในรัฐชิวาวา ประเทศเม็กซิโก
     ฉะนั้น ประวัติที่สุนัขพันธุ์นี้จะมาจากเม็กซิโก จึงมีอยู่ทางเดียวคือ ต้นตระกูลสุนัขชิวาวาปัจจุบัน ได้ถือกำเนิดมาจากบรรพบุรุษสุนัขที่มาจากบูรพาทิศแห่งซีกโลกตะวันออก(เอเซีย)เพราะเป็นที่รู้กันว่า ชาวตะวันออกนิยมพันธุ์ไม้และสัตว์แคระมานานหลายร้อยปี เช่น ปลาเงินปลาทองเล็กๆ ต้นสนแคระ ไม้แคระต่างๆ ไก่แจ้ และรวมทั้งสุนัขเล็กๆด้วย
จาก"จีน"สู่"เม็กซิโก"
     แต่ก่อนพวกสเปนใช้เส้นทางติดต่อไป มาค้าขายทางเรือ จากเมืองจีนไปหมู่เกาะฟิลิปปินส์ ไปสู่อัลปาโซ ข้ามไปเม็กซิโก แล้วกลับสเปน ฉะนั้น พวกสุนัขเม็กซิโกไม่มีขน(Maxican Hairless Dog) พวกสุนัขชิวาวา หรือสัตว์แคระต่างๆ น่าจะถูกนำเข้ามาจากตะวันออก(เอเชีย) ดังเส้นทางที่กล่าวแล้วข้างต้นนี้
     นอกจากนั้น ปรากฏบันทึกหลักฐานว่า มีสุนัขแคระคู่หนึ่ง ถูกนำมาจากบูรพาทิศ (เอเชีย) ออกแสดงให้ดูกันในเมืองเม็กซิโก ในฐานะของแปลกเมื่อปีค.ศ 1785 ดังนั้น จึงเป็นทางเดียวที่พอจะสันนิษฐานได้ว่า ลูกหลานของสุนัขเหล่านี้ คงจะถูกนำไปยังรัฐชิวาวา และไปมีชื่อเสียงและประกาศเป็นพันธ์สุนัขขึ้นที่นั่น
     ประมาณปี ค.ศ 1895 สุนัขชิวาวาปรากฏมีขึ้นตามบ้านผู้มั่งคั่ง
ในเมือง เม็กซิโก และในเวลาเดียวกัน ก็ปรากฏมีพันธ์สุนัขนี้อยู่ในบ้านแถบชายแดนตอนเหนือของเม็กซิโกด้วย จึงเป็นการบ่งชี้ได้ว่า ชาวจีนพวกแรกที่เข้าเมืองมาทางอัลปาโซ เท็กซัส ได้นำสุนัขแคระนี้มาพร้อมกับพวกตนด้วย
     สุนัขชิวาวาเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ในเม็กซิโก ในช่วงปี พ.ศ 2508ถูกนำมาจกอเมริกา เพราะไม่ปรากฏมีมาตรฐานการผสมพันธ์สุนัขพันธ์นี้ขึ้นในเม็กซิโกเลย หรือแม้แต่จะแพร่พันธุ์ขยายจำนวนต่อไปก็ทำไม่ได้ เพราะสุนัขชิวาวาที่มีอยู่ในเม็กซิโกที่เลี้ยงไว้ดูเล่นมีจำนวนทั้งสิ้นไม่ ถึงหนึ่งพันตัวและคอกเพราะพันธุ์สุนัขอาชีพสำหรับพันธุ์นี้ก็ไม่มี แต่ในเม็กซิโกกลับมีสุนัขพันธุ์อื่นๆ มากมาย ซึ่งเป็ฯที่นิยมและแพร่หลายมีจำนวนมากกว่าพันธุ์ชิวาวาเสียอีก
     เจมส์วัตสัน นักเขียนและเป็นกรรมการประกวดสุนัขที่มีชื่อเสียงของอเมริกา ได้พยามค้นคว้าเรื่องนี้ โดยได้ซื้อสุนัขที่จดทะเบียนเป็นสุนัขพันธ์แท้กับสมาคมสุนัข ชื่อ Midget เจ้าของชื่อ Rayner จากเมืองอัลปาโซ
     ต่อมาชาวอเมริกันที่อยู่ทางเหนือ ทราบว่าสุนัขพันธุ์นี้ นำไปเลี้ยงได้ดีตามบ้าน ฉะนั้น ความสนใจจึงพุ่งสูงขึ้น เช่น แชมเปี้ยนชิวาวาตัวหนึ่งชื่อ Empres Carlotter ถูกขาวแคนาดาซื้อไปในปี 1928 หลังจากนั้นลูกหลานของมันถูกเพาะพันธุ์ขึ้นได้ปีละหลายร้อยตัวในแคนาดา
     สมาคมสุนัขพันธุ์ชิวาวาของอเมริกา ตั้งขึ้นในปี ต.ศ 1923 สมาคมนี้ทำหน้าที่ในการส่งเสริมเผยแพร่พันธุ์ได้อย่างดีเลิศ ปรากฏว่าสุนัขพันธุ์นี้ทำชื่อเสียงได้ดีทุกครั้งที่มีการประกวด แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นจำนวนสุนัขที่ผลิตขึ้นเพื่อประกวดยังมีจำนวนไม่มากพอ เพราะส่วนมากมักถูกผู้ซื้อเก็บสุนัขไว้เลี้ยงเองตามบ้าน โดยไม่ต้องการนำออกประกวด

ชิวาวา หมาพันธุ์จิ๋ว



ชิวาวา หมาพันธุ์จิ๋ว "เล็กใหญ่ไม่เกี่ยว มันอยู่ที่ใจ"…คำพูดนี้อย่าตีความหมายเป็นอย่างอื่น มันเป็นการยืนยันความรักของ "ชิวาวา" สุนัข ที่หลายคนรู้จักมักคุ้นว่า "หมากระเป๋า" ที่มีให้กับนายของมัน
          คุณวรุทัย แก้วกำแพง เจ้าของคอก สุนัข ชิวาวา ทีคัพสวีทโฮม อยู่หมู่บ้านเศรษฐสิริ สนามบินน้ำ นนทบุรี บอกว่า กำเนิด สุนัข ชิวาวา เชื่อกันว่าอยู่ในเม็กซิโก
          หลายๆ คนลงความเห็นว่า สุนัข ชิวาวา มีนิสัยที่ค่อนข้างติดเจ้าของและไม่ทำลายข้าว ขี้ประจบมาก อ้อน บางครั้งก็เป็น สุนัข ที่หยิ่งในตัว ถ้าไม่ใช่เจ้าของจะไม่ให้จับต้อง ปากเปราะเห่าเสียงดังเหมือน สุนัข พันธุ์เล็กตัวอื่นๆ ทำให้ สุนัข ชิวาวา เหมาะที่จะเลี้ยงไว้สำหรับเป็นเพื่อนมากกว่าหมาเฝ้าบ้าน
          สุนัข ชิวาวา เพศผู้อายุ 1 ปี จะเริ่มเป็นสัดซึ่งเร็วกว่าเพศเมีย เริ่มเหล่หนุ่มตอนช่วงอายุ 18 เดือน หลังจากผสมพันธุ์แล้วตกลูกเต็มที่ 1-3 ตัว น้ำหนักตั้งท้องจะมีขนาด 2 กิโลกว่า ลูกสุนัข มีน้ำหนัก 1 ขีด ไม่เกิน 2 ขีด มีขนาดเล็กมาก แรกเพิ่งคลอดต้องคอยดูแลให้ สุนัข กินนมแม่ ซึ่งช่วงนี้ควรระวังเรื่องโรคต่างๆ
          พออายุราวเดือนครึ่ง ควรเริ่มฝึกให้ สุนัข ชิวาวา กินอาหารเม็ดด้วยการแช่น้ำให้นิ่ม หรือผสมนมแพะเล็กน้อย หรือให้ อาหารเหลวสำหรับ ลูกสุนัข เป็นการฝึกให้สุนัขเลียหรือกินอาหารได้เอง
          สีสันกลายเป็นข้อแบ่งเกรดและราคาของ สุนัข ชิวาวา สีตามมาตรฐานสายพันธุ์ก็คือน้ำตาล แต่บรีด (ผสม) กันไปบรีดกันมา จนเกิดสีหลากหลาย เช่น สีซอค สีดำ สีน้ำตาล สีทั่วไปอย่างที่เห็น เป็นสีขาว ดำ สีแฟนซี
          ส่วนรูปร่างลักษณะที่เป็น สุนัข ชิวาวา ที่ดีสมบูรณ์แบบ หัวหรือกะโหลกศีรษะต้องกลม หน้าจะต้องสั้น ส่วนเรื่องลำตัวจะยาวหรือไม่แค่ไหนนั้นแล้วแต่ตัว สุนัข ขาต้องไม่ยาว ควรอยู่ในสัดส่วนที่พอดี ดูแล้วเป็นทรงสี่เหลี่ยม เมื่อมองจากลำตัวที่ตัดจากลำคอไปถึงหาง การเดินต้องเดินเตะเหมือนม้า วิ่งเหยาะๆ คล่องแคล่ว มีนิสัยที่ปราดเปรียว กระโดดโลดเต้น ชื่นชอบการออกกำลังกาย
          เมื่อ สุนัข ชิวาวา โตเต็มวัยน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8-2.7 กก. ซึ่งที่ฟาร์มจะบรีดได้เล็กสุดอยู่ที่น้ำหนัก 1.5 กก. แม้ว่ามันจะได้ชื่อว่าเป็น สุนัขที่ตัวเล็กที่สุดในโลกแล้วก็ตาม ปัจจุบันก็ยังมีคนผสมดูแลให้ ชิวาวา เล็กจิ๋วลงไปอีก และ ทำได้อย่างไม่น่าเชื่อ!!..
          แม้ว่าหมากระเป๋าจะตัวเล็ก แต่อายุโดยเฉลี่ยของ สุนัข ชิวาวา อยู่ที่ 15 ปี ซึ่งเท่ากับ สุนัข สายพันธุ์อื่นๆ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลที่ต้องระวังเป็นพิเศษ…ทั้งสุขอนามัยและอย่าให้โรคภัยเบียดเบียน
          ...ถึงตอนนี้ก็คงอยากจะได้ สุนัข ชิวาวา มาเป็นเพื่อนแล้วซิ สำหรับหลายๆ คนที่คิดจะเปิดบ้านรับ สุนัข พันธุ์จิ๋วเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ แต่ยังไม่แน่ใจเรื่องการดูแล


ประวัติสายพันธุ์ชิวาวา




เมื่อราวต้นศตวรรษที่ 19 บนแผ่นดินที่ปัจจุบันเป็นประเทศเม็กซิโก เคยมีอาณาจักรชื่อ Toltecs ปกครองดินแดนแถบนั้นอยู่อาณาจักรนี้รุ่งเรืองอยู่นานนับร้อยปี มีอารยธรรมและความเจริญต่าง ๆ มากมาย หนึ่งในนั้นคือการสร้างสุนัขพันธุ์ Techichi ซึ่งมีขนาดเล็กแต่กระดูกใหญ่ ขนยาว ลักษณะเด่นพิเศษคือเป็นสุนัขที่เงียบกริบ ถือกันว่า Techichi เป็นสุนัขพื้นเมืองในแถบอเมริกากลางและเป็นต้นกำเนิดแห่งสายพันธุ์ชิวาวา
 หลักฐานสำคัญที่ยืนยันว่า Techichi เป็นสุนัขที่มีอยู่ตั้งแต่สมัย Toltecs คือรูปสลักสุนัขบนหิน เป็นรูปเต็มของสุนัขทั้งตัวซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับชิวาวาในสมัยปัจจุบันอย่างมาก รูปสลักนี้ปัจจุบันอยู่ที่ Monastery of Auejotzingo ตั้งอยู่บนทางหลวงระหว่าง Mexico City กับ Puebla อารามดังกล่าวสร้างขึ้นราวปี ค.ศ.1530 โดยคณะบาทหลวงฟรานซิสกัน แต่วัสดุที่ใช้สร้างมา
   จากปิรามิดเก่า ชื่อ Pyramids of Cholula ซึ่งสร้างขึ้นโดยชาว Toltecs  นอกจากนี้ยังมีปิรามิดแห่งอื่นที่สร้างขึ้นในสมัย Toltecs และมีรูปสลักสุนัข Techichi อยู่ด้วย คือปิรามิด Chichen Itza ในแถบ Yucatan
      หลังจากอาณาจักร Toltecs ล่มสลายก็ถึงคราวของรุ่งเรืองของอาณาจักร Aztec ซึ่งเกิดขึ้นในบริเวณเดียวกับที่เคยเป็น Toltecs พื้นที่แถบนี้ปัจจุบันอยู่ใกล้กับเมือง Mexico City จึงมีผู้ค้นพบเศษซากโบราณวัตถุอยู่เสมอ และมักมีผู้อ้างว่าเจอหลักฐานเก่าแก่เกี่ยวกับต้นตระกูลสายพันธุ์สัตว์ต่าง ๆ  ส่วนหลักฐานของชิวาวานั้นถูกค้นพบในปี ค.ศ.1850 ที่โบราณสถานใกล้กับ Casas Grandes เชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นวังของพระจักรพรรดิ Motezuma  ที่ 1 แห่ง Aztec 

   อาณาจักร Aztec ร่ำรวย  มีอายุหลายร้อยปีพระจักรพรรดิ Montezuma ทรงเลี้ยงชิวาวาไว้ในวัง พวกชนชั้นสูงจึงเอาอย่าง ในสมัยนั้นแม้แต่ชิวาวาของเศรษฐียังเป็นที่ยกย่อง ส่วนตัวที่มีสีน้ำเงินถือเป็นสุนัขศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตามคนทั่วไปเห็นว่าสุนัขพันธุ์นี้ไม่ค่อยมีประโยชน์ มีเรื่องเล่าว่ามีคนกินชิวาวาเสียด้วยซ้ำ  ต่อมาใน ค.ศ. 1519 - 1520 อาณาจักร Aztec ก็ล่มสลายลงบ้าง ความร่ำรวยและอารยธรรมต่าง ๆ ของ Aztec ไม่หลงเหลืออยู่ ชิวาวาจึงพลอยหายสาบสูญไปด้วย
    หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่กล่าวถึง Techichi ผู้เป็นต้นเค้าของชิวาวาไม่ได้มีแต่เพียงในเม็กซิโกเท่านั้น คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ยังเคยเขียนจดหมายถึงกษัตริย์แห่งสเปน กล่าวถึงการเดินทางไปยังเกาะซึ่งปัจจุบันคือประเทศคิวบา เขาเล่าว่าที่เกาะนั้นมี "สุนัขตัวเล็ก เงียบ ไม่เห่า และเชื่องมาก" นักโบราณคดีกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ที่ชาว Aztec จะนำสุนัขไปถึงคิวบาเพราะชนเผ่านี้ไม่ใช่นักเดินทะเล แต่สุนัขจะไปถึงที่เกาะนั้นได้อย่างไรยังไม่มีใครหาคำตอบได้
        สถานะของชิวาวาในยุค Toltecs และ Aztec ไม่ได้เป็นแค่เพียงสุนัขที่ผู้คนนิยมกันมากเท่านั้น แต่ยังเป็นสุนัขที่มีความสำคัญทางศาสนาด้วย กล่าวคือใช้เป็นสื่อกลางในการบูชาเทพเจ้า ใช้เป็นผู้นำทางวิญญาณไปสู่โลกแห่งความตาย รวมทั้งยังรับบาปแทนมนุษย์ได้ด้วย ด้วยเหตุนี้นักโบราณคดีจึงได้เห็นซากชิวาวาถูกฝังอยู่ในหลุมศพเดียวกับคนอยู่ทั่วไปในเม็กซิโกและบางส่วนของสหรัฐอเมริกา

มีข้อสันนิษฐานที่น่าสนใจเพี่ยวกับชิวาวาประการหนึ่ง เสนอโดย K. de Blinde ข้าราชการชาวเม็กซิกันผู้ขี่ม้าท่องไปทั่วประเทศและเป็นนักสร้างสายพันธุ์ตัวยง เขากล่าวว่าชิวาวาเกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง Techichi กับสุนัขตัวเล็กไร้ขนที่มาจากเอเชีย สุนัขตัวเล็กนี้คล้ายกับที่มีอยู่ในประเทศจีนและสุนัขนี้เองที่ทำให้ Techichi มีขนาดเล็กลงไปจนเท่า ๆ กับชิวาวาในปัจจุบัน
       กระนั้นชิวาวาในปัจจุบันก็มีลักษณะแตกต่างจากบรรพบุรุษอยู่บ้างในเรื่องสีขน กล่าวคือมันมีสีสันหลากหลายตั้งแต่ขาวสว่างไล่ไปจนถึงดำสนิท ชาวเม็กซิกันนิยมสีดำแต้มด้วยสีแทน หรือสีขาวจุดดำ ส่วนชาวอเมริกันนิยมสีพื้นไม่มีแต้ม
        ปัจจุบันชิวาวาเป็นสุนัขที่ได้รับความนิยมมากในอเมริกา ชาวอเมริกันพัฒนาสายพันธุ์ชิวาวาโดยย่อให้มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงรูปร่าง สัดส่วน รวมทั้งลักษณะนิสัยเดิมไว้ครบถ้วน คือ ฉลาดเฉลียวและกระตือรือร้น ชิวาวาเป็นสุนัขที่รักพวกพ้อง สนใจแต่พวกเดียวกัน ไม่ชอบยุ่งสุงสิงกับสุนัขพันธุ์อื่น โดยทั่วไปชาวอเมริกันนิยมเลี้ยงชิวาวาขนสั้นมากกว่าชิวาวาขนยาว และมันก็มีนิสัยรักพวกพ้องมากกว่าพวกขนยาวเสียด้วย มาตรฐานสายพันธุ์ชิวาวา  
   ลักษณะทั่วไป สง่างาม กระตือรือร้น เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว รูปร่างกะทัดรัด หน้าตาทะเล้นดูสดใสน่ารัก
น้ำหนัก ไม่ควรหนักเกิน 6 ปอนด์ (ประมาณ 13.20 กิโลกรัม) สัดส่วน    รูปร่างมีลักษณะลำตัวจะมีสัดส่วนของความยาวมากกว่าความสูงเล็กน้อย (ความยาววัดจากไหล่ไปจรดบั้นท้าย ส่วนความสูงวัดจากพื้นไปถึงจุดสูงสุดของไหล่ - withers) อย่างไรก็ตาม นิยมให้สุนัขตัวผู้มีลำตัวสั้นกว่าตัวเมีย สุนัขที่หนักกว่า 6 ปอนด์จะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวด หัวกะโหลกกลม มีโดมสูงเล็กน้อยคล้ายผลแอปเปิ้ล หน้าตาดูทะเล้น ตา ตากลมโตแต่ไม่ปูดโปน ตาสองข้างอยู่ห่างกันพอดีและมีขนาดสมดุลกัน ดวงตาแวววาว สีตามีสีเข้มหรืออาจเป็นสีออกแดงทับทิมก็เป็นได้ ถ้าสุนัขมีขนสีอ่อนหรือสีขาว ดวงตาอาจมีสีอ่อนได้ หู หูใหญ่ ชี้ตั้ง เอียงออกด้านข้าง 45 องศา ทำให้ดูมีพื้นที่ระหว่างหูทั้งสองข้างกว้างขึ้น 

   ถ้ามีสิ่งเร้าหูจะชี้ตรงขึ้น ถ้าหูตกหรือถูกตัดหูจะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวด
ส่วนจมูกกับปาก (muzzle) สั้นพอสมควร ชี้ตรงมาข้างหน้า แก้มและขากรรไกรเอนลาดไปด้านหลังจมูก สุนัขขนสีอ่อนหรือสีบลอนด์จะมีจมูกสีเดียวกับขน หรือสีดำ หรือสีชมพูก็ได้ ส่วนสุนัขขนสีเทาดำ สีน้ำเงิน หรือสีช็อคโกแลต สีจมูกก็จะเป็นไปตามสีขนเช่นกัน
การกัดงับ    ปลายฟันบนสบกับปลายฟันล่างพอดี หรือฟันบนครอบฟันล่างชิดสนิท ไม่เหยินออก ถ้าฟันบนเหยินออกหรือฟันล่างครอบฟันบนในการประกวดจะถือว่าเป็นข้อบกพร่องร้ายแรง 
 
คอ  โค้งเล็กน้อยแล้วลาดลงสู่ไหล่อย่างสวยงาม
แนวหลังตรง


ลำตัว ซี่โครงกางออกเป็นรูปกลม (แต่ไม่มากขนาดทำให้สุนัขมีรูปร่างเหมือนถังเบียร์) 
 หาง ยาวพอสมควร หางโค้งเป็นรูปเคียว ชี้ขึ้นหรือจะเอียงออกด้านข้างก็ได้ หรือจะงอมากจนปลายม้วนขึ้นมาแตะหลังก็ได้ หางต้องไม่ตกลงไปจุกก้น ถ้าสุนัขถูกตัดหางหรือมีหางกุดจะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวดไหล่ ไหล่ลาด เอียงไปสู่แนวหลัง(แต่ต้องไม่ต่ำกว่าแนวหลัง) บริเวณส่วนบนของขาหน้ากว้างและรองรับไหล่ได้ดี ขาหน้าตรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ข้อศอกขาหน้าเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ  ไหล่ต้องแข็งแรงเพื่อสร้างสมดุลของร่างกายและทำให้สุนัขดูมีพละกำลัง มีช่วงอกกว้างสมบูรณ์ (แต่ไม่ถึงกับเหมือนพวกบูลด็อก) เท้า เท้าเล็กดูกระจุ๋มกระจิ๋ม นิ้วเท้าแยกจากกันชัดเจนแต่ไม่กางออก อุ้งเท้าหนานุ่ม นิ้วเท้าไม่แบนราบ นิ้วเท้าคู่ที่อยู่ด้านในไม่ยาวยื่นกว่าสองนิ้วด้านนอกจนเกินพอดี และเท้าต้องไม่กลมมนหรือมีนิ้วเท้าเบียดชิดกันเกินไปข้อเท้า สวยงามแข็งแรงดี

ลำตัวส่วนท้าย มีกล้ามเนื้อสมบูรณ์แข็งแรง ข้อศอกขาหลังอยู่ห่างกันอย่างพอเหมาะ ไม่กางออกหรือหุบเข้า ขาตรง มั่นคง เท้าหลังมีลักษณะเหมือนเท้าหน้าขน ชิวาวาขนสั้น : ขนต้องนุ่ม เกรียน และเป็นมันวาว (สุนัขอาจมีขนหนาและมีขนสองชั้นได้) บริเวณคอควรมีขนหนาฟูเล็กน้อย ส่วนบริเวณหูและหัวควรมีขนน้อยกว่าและสั้นเกรียน ขนที่หางควรหนา ยาว และฟูเล็กน้อยเช่นกัน ชิวาวาขนยาว : ควรมีขนชั้นใน ขนอาจตรงหรือหยิกเล็กน้อยก็ได้แต่ต้องนุ่ม สุนัขควรมีขนหนา ยาว และฟูเล็กน้อยที่ขา เท้า และสะโพกขาหลัง รวมทั้งที่แผงคอและรอบคอ ต้องมีขนที่ขอบหูด้วยแต่ถ้าขนหนาเกินไปอาจเล็มออกได้บ้าง หูต้องไม่พับลง ส่วนขนที่หางต้องยาว หนา และฟูถ้าชิวาวาแบบขนยาวมีขนบางเกินไปจะไม่รับพิจารณาให้เข้าประกวดสีขน สีอะไรก็ได้ สีพื้น สีแต้มอย่างชัดเจน หรือสีที่แต้มอย่างกระจัดกระจายก็ได้
การก้าวย่าง ควรเคลื่อนไหวอย่างแคล่วคล่องว่องไวแต่มั่นคง มั่นใจ ขาหน้าเหยียดยื่นออกไปได้ดีพอ ๆ กับที่ขาหลังส่งแรงผลักได้อย่างทรงพลัง เมื่อมองจากทางด้านหลังข้อศอกขาหลังทั้งสองข้างขนานกัน เมื่อก้าวเดินขาหลังก้าวตามขาหน้า เมื่อวิ่งขาทั้งสี่จะเอนเข้ามาแนวกลางลำตัว หัวตั้งตรง แนวหลังยังคงดูแข็งแรงมั่นคงและเป็นแนวตรงเมื่อสุนัขเดินหรือวิ่ง อารมณ์ตื่นตัวอยู่เสมอ กระตือรือร้น

สุนัขชิว

ลักษณะน้องชิ

chihuahua logo
ลักษณะทั่วไปของน้องชิ มีดังนี้
ลักษณะชิวาวา
chihuahua emoลักษณะทั่วไป : ชิวาวาเป็นสุนัขขนาดเล็กที่มีความฉลาดและจงรักภักดีต่อเจ้าของมาก มีทั้งพันธุ์สั้นและขนยาว ชิวาวาพันธุ์ขนสั้นมีต้นกำเนิดมาจากสุนัขสายพันธุ์ดั้งเดิม ส่วนสายพันธุ์ขนยาวเพิ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาภายหลัง ชิวาวาเป็นสุนัขที่มีโครงสร้างกระชับสมสัดส่วน ดูสง่างาม คล่องแคล่วว่องไวและตื่นตัวตลอดเวลา กะโหลกมีลักษณะกลม ความยาวลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย จมูกและปากสั้น ปลายจมูกค่อนข้างแหลม จมูกมีสีเข้มเข้ากับขนลำตัว ใบหูมีขนาดใหญ่ปลายหูค่อนข้างแหลมตั้งขึ้น ตาโตแต่ไม่ยื่นโปนออกมา นัยน์ตามีสีดำสนิท
chihuahua emoนิสัย : ชิวาวาเป็นสุนัขมีความฉลาดและจงรักภักดีต่อเจ้าของมา กเมื่อเทียบกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ โดยปกติมักเป็นสุนัขที่เงียบสงบไม่ค่อยเห่าส่งเสียงร บกวน เว้นแต่จะถูกรบกวนหรือทำตกใจจึงจะเห่าเพื่อรักษาที่อ ยู่อาศัยของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีนิสัยกล้าหาญมักจะยืนหยัดต่อสู้กับสุนัขตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กกว่า แต่ก็มีอัธยาศัยที่ดีกับสุนัขตัวอื่นหรือสัตว์เลี้ยง ชนิดอื่นๆ
chihuahua emoขนาด :
- ความสูง 16-20 (เซนติเมตร)
- น้ำหนักตัว 2.5-2.7 (กิโลกรัม)
chihuahua emoขน :
- ชิวาวาพันธุ์ขนสั้น เส้นขนควรมีลักษณะอ่อนนุ่มและแนบติดกับลำตัวขนเป็นมั นแวววาว หากชิวาวาตัวโต จะมีขนขึ้นดกหนากว่าปกติ เพราะมีขนชั้นในด้วยไม่ถือว่าผิดมาตรฐาน
โดยปกติขนที่บริเวณลำตัวและคอ จะขึ้นหนาแน่นกว่าขนตามส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ส่วนขนที่บริเวณศีรษะและใบหูจะบางกว่าส่วนอื่น
- ชิวาวาพันธุ์ขนยาว เส้นขนควรมีลักษณะอ่อนนุ่ม ขนเหยียดตรง หรือเป็นลอนเล็กน้อย แต่ห้ามหยิก ขนชั้นในจะมีหรือไม่มีก็ได้ ขนที่บริเวณใบหูจะต้องยาว แต่ถ้าขนยาวและดกมากหนาเกินไปจนห้อยปรกลงมาครอบใบหู ควรตัดเล็มออก
สำหรับขนที่บริเวณขาอุ้งเท้า และบริเวณด้านหลังของสะโพกควรมีเส้นเล็กบาง ส่วนขนที่บริเวณลำคอและหางควรมีลักษณยาวและฟู
chihuahua emoสี : ของขนที่บริเวณหางควร มีสีกลมกลืนกับสีของขนบนตัว
- สำหรับชิวาวาขนสั้น ขนที่บริเวณหางควรมีลักษณะยาวและอ่อนนุ่มกว่าขนบนตัว
- ส่วนชิวาวาพันธุ์ขนยาว ขนที่บริเวณหางควรมีลักษณะยาวและอ่อนนุ่ม
chihuahua emoศีรษะ : กะโหลกศีรษะควรกลมคล้ายผลแอปเปิ้ลตั้งกลับหัว ผิวหนังตรงบริเวณกรามและแก้ม ควรตอบแนบติดกับกระดูก
chihuahua emoหู : ใบหูควรมีขนาดใหญ่ ปลายหูค่อยข้างแหลม ในยามที่สุนัขเกิดความตื่นตัวหรือกำลังให้ความสนใจกั บสิ่งหนึ่งสิ่งใด ใบหูควรตั้งชัน แต่ในยามปกติใบหูทั้ง 2 ข้างควรตั้งถ่างออกจากกันโดยฐานใบหูทำมุมเฉียง 45 องศา กับกะโหลกศีรษะ สำหรับชิวาวาพันธุ์ขนยาว บริเวณหลังใบหูควรมีขนยาว ปกคลุมถ้าหากขนขึ้นที่ใบหูดกหนามากเกินไปอาจเล็มแต่เ พื่อความสวยงามไดแต่ถ้าใบหูห้อยปรกลงมาถือว่าบกพร่อง
chihuahua emoตา : ตาโตแต่ไม่ควรยื่นโปนออกมามาก ตาทั้ง 2 ข้างควรมีขนาดเท่าๆกัน และตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากกันในระดับพอเหมาะ นัยน์ตาควรมีสีดำสนิทส่องประกายแวววาว แต่สำหรับชิวาวาที่มีขนสีครีมออกเหลือง หากนัยน์ตามีสีจางอนุโลมได้ จมูก จมูกปากควรสั้น ปลายจมูกปากค่อนข้างกลม สีของจมูกควรมีสีเข้ากับสีของขนบนลำตัว สำหรับชิวาวาที่มีขนสีครีมออกเหลือง หากจมูกมีสีชมพูถือว่าพออนุโลมได้ซึ่งจุดนี้จะแตกต่า งจากสุนัขพันธุ์อื่นๆ เพราะโดยส่วนใหญ่ หากสุนัขมีจมูกสีชมพู ถือว่าเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงมาก
chihuahua emoฟัน : ฟันหน้าควรขนกันได้สนิทเหมือนกรรไกร โดยฟันบนเกยอยู่ด้านนอก แต่ถ้าฟันแถวล่างเกยอยู่ด้านนอก หรือฟันบนขบเกยอยู่ด้านนอก แต่ขบฟันล่างไม่สนิทหรือฟันขาด หรือฟันขึ้นไม่เป็นระเบียบล้วน ถือเป็นข้อบกพร่องร้ายแรงทั้งสิ้น
chihuahua emoคอและหัวไหล่ : ลำคอควรมีลักษณะเป็นเส้นโค้งสวยงาม ลาดเทเข้าหาหัวไหล่เล็กน้อย สำหรับชิวาวาพันธุ์ขนสั้น ความสวยงามของลำคอถือเป็นเรื่องสำคัญมากเนื่องจากมอง เห็นได้อย่างชัดเจน เพราะไม่มีขนมาบดบัง ส่วนชิวาวาพันธุ์ขนยาว ขนที่บริเวณลำคอควรยาวแต่ไม่ถึงกับยาวและดกหนามาก หัวไหล่ที่ดีควรมีลักษณะราบเรียบและค่อยๆขยายออกกว้า ง รับกับขาหน้าทั้ง 2 ข้าง กระดูกหัวไหล่ควรลาดเทลงหาแผ่นหลัง
chihuahua emoอก : ควรลึก และกว้าง แต่ไม่ต้องถึงกับเท่าพันธุ์บลูด็อก แผ่นหลังและลำตัวแผ่นหลัง ควรมีลักษณะเป็นเส้นตรงขนานกับพื้น ความยาวของลำตัวมีมากกว่าความสูงเล็กน้อย โดยปกติชิวาวาเพศผู้จะมีลำตัวที่สั้นกว่าเพศเมีย โครงสร้างลำตัวมีลักษณะค่อนข้างกลม ไม่แบน แต่ก็ไม่ถึงกลมเหมือนถังเบียร์
chihuahua emoลำตัว : ครึ่งท่อนหลังจะต้องเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ข้อศอกขาหลังเวลายืนตั้งอยู่ห่างจากกันในระดับพอเหมา ะ ข้อศอกไม่ควรบิดเข้าหากัน เวลาที่สุนัขเดินหรือวิ่งแลดูแข็งแรง เท้าไม่ปัด
chihuahua emoหาง : ต้องยาวพอเหมาะ หางควรตั้งและมีลักษณะโค้งคล้ายหางของสุนัขไทยหางดาบ ในกรณีที่สุนัขมีหางม้วน อนุโลมให้ปลายหางม้วนแตะแผ่นหลังได้ แต่ห้ามเลยระดับแผ่นหลังลงมา
chihuahua emoขาและเท้า : ขาควรเหยียดตรงและตั้งขนานกัน อุ้งเท้าควรมีขนาดเล็ก นิ้วเท้าแยกออกจากกัน แต่ไม่ถึงกับกางแบะออกเหมือนตีนเป็ด อุ้งเท้าคล้ายกับอุ้งเท้าของสุนัขพันธุ์บลูด็อก ซึ่งจะแตกต่างจากอุ้งเท้าของสุนัขพันธุ์อื่นๆ ซึ่งโดยมากมีอุ้งเท้ากระชับ
chihuahua emoสี : สีขนอาจมีได้หลายสี ไม่มีข้อจำกัด อาจเป็นสีเดียวกันทั้งตัวหรืออาจมีมาร์คกิ้งหรือสีด่ างก็ได้ สีขนมีได้ไม่จำกัด อาจเป็นสีเดียวทั้งตัวหรือมี มาร์คกิ้งหรือมีสีต่างๆก็ได้

ปอมเมอร์เรเนี่ยน

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ BLOG ของฉันรายวิชาอินเตอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

pommeranian